ทำกันได้ลงคอ หนุ่มเป็นมะเร็งตาบอดโดนเมียเชิดเงินบริจาค 10 ล้านหนี แอบไปซื้อรถสร้างบ้านใหม่สุดท้ายพึ่งศาลฟ้อง

0
989 views

นครพนม-หนุ่มมะเร็งลามจนตาบอด 2 ข้าง เป็นข่าวดังเมื่อปีที่แล้ว คนแห่บริจาคช่วยนับ 10 ล้านบาทเป็นค่ารักษา ในนามบัญชีของภรรยา แต่เมียหนุ่มมะเร็งเกิดความโลภ ไม่ยอมดูแลสามี ทั้งแอบถอนเงินจนเกลี้ยง เชิดเงินหนี นำไปซื้อรถกระบะ 4 ประตู รถเกี่ยวข้าว สร้างบ้านหลังใหม่ สุดท้ายต้องพึ่งศาลฟ้องเมียใจชั่ว

วันนี้ (12ธ.ค.60) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องทุกข์ จากนายประเสริฐ คำมุงคุณ อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 17 หมู่ 2 บ้านโสกแมว ต.อุ่มเหม้า อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ว่า ลูกชายคือนายเดชฤทธิ์ หรือมอส คำมุงคุณ อายุ 24 ปี ผู้ป่วยโรคมะเร็งในโพรงจมูก ซึ่งเป็นข่าวโด่งดังทางโทรทัศน์และสื่อสิ่งพิมพ์ เมื่อกลางปี 2559 นั้น ขณะนี้เกิดปัญหาเรื่องเงินบริจาค เพราะถูกภรรยาของผู้ป่วยหอบเงินบริจาคเกือบ 10 ล้านบาท หนีไปอยู่บ้านพ่อแม่โดยไม่ยอมมาเหลียวแลบุตรชายของตน และนำเงินดังกล่าวไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ของผู้บริจาคทั่วประเทศ

ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ดังกล่าว ซึ่งปลูกอยู่หลังโรงเรียนบ้านโสกแมว พบนายประเสริฐพร้อมญาติกว่า 10 คน มีนายอุทิศ อุ่นไชย ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 อำนวยความสะดวก และพานายเดชฤทธิ์หรือมอส ลุกจากที่นอนออกมาพบ โดยท้าวความเดิมว่า ตนมีอาชีพรับจ้างกรีดยาง ช่วงแรกๆมีอาการตาพร่ามัว นึกว่าสายตาสั้น ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก ต่อมาจมูกไม่ได้กลิ่น ตามัวลงไปเรื่อยๆ ไปพบแพทย์โรงพยาบาลนครพนม

ก่อนจะถูกส่งต่อมายังโรงพยาบาลศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น พบว่ามีเนื้องอกในจมูก แพทย์วินิจฉัยเบื้องต้นป่วยเป็นมะเร็งในโพรงจมูก แต่ไม่มีเงินรักษาต้องกลับมาดูแลตามมีตามเกิดที่บ้าน กระทั่งต้นปี 2559 เกิดเนื้องอกลุกลามไปที่เบ้าตา และโตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเนื้อร้ายปิดลูกตาบอดสนิททั้ง 2 ข้าง ต้องอยู่แบบทุกข์ทรมาน เพราะไม่มีเงินรักษานั่นเอง

ต่อมามีการนำภาพของตนเสนอออกสื่อโซเซียล ประมาณวันที่ 26ก.ค.59 บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ดารานักแสดงชื่อดัง เดินทางไปเยี่ยมถึงบ้าน พร้อมนำเรื่องราวของตนออกสื่อ ขณะนั้นน.ส.พัชรีพร หรือป๊อปปี้ สุวรรณพรม อายุ 21 ปี ภรรยายังอยู่ดูแลใกล้ชิด บิณฑ์ต้องการช่วยเหลือครอบครัว เพราะพบสภาพความเป็นอยู่แล้วเกิดสงสาร จึงปรึกษากับญาติๆหลายคนว่า จะให้ผู้ใจบุญโอนเงินเข้าบัญชีผู้ใด เนื่องจากตนนั้นไม่มีบัญชีธนาคารมาก่อน

ทุกคนมีความเห็นตรงกันให้ใช้บัญชีของน.ส.พัชรีพร ซึ่งเป็นภรรยา ขณะที่ตนป่วยอยู่นั้นนางนันทพร คำมุงคุณ อายุ 50 ปี ผู้เป็นแม่ก็ล้มป่วยด้วยโรคไตวายระยะสุดท้าย นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนครพนม ต่างก็วุ่นกันหลายอย่าง ญาติจึงให้ใช้บัญชีของ น.ส.พัชรีพรหรือป๊อป เพื่อนำเงินบริจาคดังกล่าวมาดูแล ในเวลากันบิณฑ์ก็ประสานไปยังโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ เพื่อนำตัวไปรักษาอย่างใกล้ชิดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

นายเดชฤทธิ์ เล่าต่อว่า หลังคุณบิณฑ์ออกสื่อเพื่อขอความช่วยเหลือจากผู้ใจบุญทั่วประเทศ มีเงินบริจาคหลั่งไหลเข้าบัญชี น.ส.พัชรีพร ตั้งแต่วันที่ 27ก.ค.59 วันแรกเข้ามา 1,400,000 บาท วันต่อๆมาเข้ามาอีกหลายแสนบาท จนล่าสุดตัวเลขหยุดอยู่ที่ 9,000,000 บาทเศษ และในวันที่ 1ส.ค.59 คุณบิณฑ์โทรศัพท์มาแจ้งว่าให้ครอบครัวรับพาตนไปรักษาที่โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ หลักสี่ กทม. มีทีมแพทย์เตรียมเตียงไว้รอเรียบร้อย 

วันนั้น น.ส.พัชรีพรถอนเงินออกจากบัญชีครั้งแรก 200,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายระหว่างไปรักษาตัว วันที่ตนเดินทางไปรักษาเป็นวันเดียวกับที่นางนันทพรแม่ของตนเสียชีวิตพอดี แต่ญาติต่างพากันปกปิด เพราะกลัวตนจะเสียใจ เมื่อถึงกรุงเทพฯก็ต้องหาบ้านเช่าเพื่อเป็นที่พักผ่อนของญาติ และได้บ้านเช่าอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลนัก มีญาติผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปเฝ้าตนทุกวัน

ปัญหาก่อตัวช่วงที่ตนมารักษาตัวที่โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ น.ส.พัชรีพรเริ่มใช้จ่ายเงินไปในทางที่ผิด นำสมุดบัญชีเงินฝากไปถอนเงินตามสถานที่ต่างๆในกรุงเทพฯหลายครั้ง ครั้งละ 200,000 บาทถึง 550,000 บาท ขณะเดียวกันพ่อตาแม่ยายเริ่มมีความรังเกียจครอบครัวตน วันหนึ่งหลังจากมาพักฟื้นที่บ้านเช่า ได้สอบถามภรรยาถึงเงินที่ถอนออกไป กลับถูกด่าทออย่างเสียหาย พร้อมนำอาวุธปืนมาให้ตนลูบคลำ แล้วบอกว่าไม่ต้องถามมาก “เงินของฉันจะเอาไปใช้จ่ายอะไรอย่ามายุ่ง” 

ด้วยความกลัว จึงให้นายประเสริฐผู้พ่อ มาอยู่ใกล้ๆตน ด้วยเกรงจะไม่ปลอดภัย ระหว่างนั้น น.ส.พัชรีพรก็ไม่หยิบยื่นเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายใดๆช่วยเหลือ เมื่อไม่มีเงินจ่ายค่ายาบางชนิด วันที่ 7ธ.ค.59 จึงพากันกลับบ้าน จากนั้น น.ส.พัชรีพรเมียรักก็ไม่เคยย่างกรายมาหาตนอีกเลย พร้อมกับเงินเกือบ 10 ล้านบาท ทราบภายหลังว่านำเงินจำนวน 3,200,000 บาท ไปซื้อรถกระบะ 4 ประตู รถเกี่ยวข้าว มอเตอร์ไซค์ และสร้างบ้านที่จังหวัดมุกดาหาร

ญาติๆได้ปรึกษาผู้รู้ก็แนะนำให้ฟ้องศาล จึงแต่งตั้งทนายยื่นฟ้องครอบครัวของ น.ส.พัชรีพร ต่อศาลจังหวัดนครพนม ความอาญานัดแรกวันที่ 22ม.ค.61 ส่วนความแพ่งวันที่ 29ม.ค.61 นี้ เพราะภรรยานำเงินบริจาคไปใช้อย่างสุรุ่ยสุร่าย ผิดวัตถุประสงค์ของผู้บริจาค

นอกจากนี้ยังมีบัญชีธนาคารอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งนายเผย คำมุงคุณ นายก อบต.อุ่มเหม้า เปิดไว้ให้คนโอนเข้ามาอีกเล่ม โดยมีกติกาว่าต้องถอนพร้อมกัน 3 คน ประกอบด้วย 1.นายก อบต.อุ่มเหม้า 2.นายประเสริฐ คำมุงคุณ พ่อนายเดชฤทธิ์ และ 3.น.ส.พัชรีพร มีเงินอยู่ในบัญชี 237,033 บาท ปรากฏว่าทางครอบครัวนายเดชฤทธิ์ต้องการใช้เงินจำนวนดังกล่าวมาใช้รักษาตัว จึงไปบอกให้ น.ส.พัชรีพรไปเซ็นชื่อถอน แต่เมื่อถึงธนาคาร น.ส.พัชรีพรไม่ยอมมาเซ็นชื่อถอนให้

ด้านนางเมย์ลิษา คำมุงคุณ อายุ 41 ปี มีศักดิ์เป็นน้าสาวของนายเดชฤทธิ์ เปิดเผยว่า คุณบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ แอบมากระซิบถามว่าเมียของนายเดชฤทธิ์ไว้ใจได้หรือเปล่า เพราะเงินไม่เข้าใครออกใคร แต่เห็นเขาเป็นผัวเมียกัน ตอนนั้นดูแลอยู่ไม่ห่าง คิดว่าจะไม่น่ามีปัญหาจึงให้หมายเลขบัญชี น.ส.พัชรีพร โอนเข้ามาช่วยเหลือหลานชาย ไม่คาดคิดเงินตัวเดียวทำให้คนเปลี่ยนไปถึงขนาดนี้ แต่ขอขอบคุณผู้ใจบุญทั้งหลายที่เมตตาสงสาร พระคุณของท่านครอบครัว “คำมุงคุณ”จะจดจำไปตลอดชีวิต ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวประสานไปยังครอบครัวของ น.ส.พัชรีพรเพื่อสอบถามข้อเท็จจริง ข่าวคืบหน้าจะนำมาเสนอต่อไป
ที่มา : https://mgronline.com

 

แสดงความเห็น

comments