พระบาง วัดไตรภูมิ อำเภอท่าอุเทน

0
3,883 views

เอ่ยถึง  พระบาง  ใคร ๆ ก็คงนึกถึงพระพุทธรูปสำคัญคู่บ้านคู่เมืองของลาว  ที่ประดิษฐานในเมืองหลวงพระบางในปัจจุบัน  เพราะพระบางองค์นั้นมีประวัติยาวนานเกี่ยวข้องกับทั้งราชอาณาจักรกัมพูชา  ลาว  และสยาม  ซึ่งตามตำนานเล่าว่าสร้างขึ้นในลังกาทวีป  หลังจากพระพุทธองค์ดับขันธ์ปรินิพานไปแล้ว  ๔๖๓  ปี  และอยู่ลังกาทวีปนานถึง  ๙๖๓  ปี  ก่อนมีการอัญเชิญมาประดิษฐาน ณ กรุงอินทปัตถนคร (เขมร)  ครั้นถึงสมัยพระเจ้าฟ้างุ้มแหล่งหล้าธรณี แห่งนครเชียงทอง(หลวงพระบาง)  จึงได้อัญเชิญแห่แหนมาไว้ในลาว ณ เมืองเวียงคำก่อน  และต่อมาในสมัยพระเจ้าวิชุลราชจึงได้อัญเชิญพระบางไปประดิษฐาน ณ เมืองหลวงเชียงทองล้านช้างร่มขาว  เมืองนั้นจึงได้ชื่อเมืองหลวงพระบางสืบมา

ในสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชพระองค์ได้ย้ายเมืองหลวงของราชอาณาจักรล้านช้างลงมายังนครเวียงจันทน์ในปี พ.ศ.๒๑๐๓ พระองค์ได้อัญเชิญพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์นี้ลงมาสถิต ณ กรุงเวียงจันทน์ด้วย  รวมเวลา พระบางอยู่ในเวียงคำ ๑๔๓ ปี  อยู่ในหลวงพระบาง ๒๐๒ ปี จึงมาสถิตในเวียงจันทน์ดังกล่าว

ในปี ๒๓๒๒  (อ้างอิงตาม  ประวัติพระบาง เขียนโดย  จันทะพอน  วันนะจิด) เกิดสงครามกับสยาม(สมัยกรุงธนบุรี)  พระบาง  พร้อมพระแก้วมรกต  จึงถูกอัญเชิญไปสยาม(ไทย)ประดิษฐานไว้ที่กรุงธนบุรี  จนถึงปี พ.ศ. ๒๓๒๕ พระเจ้านันทเสนจึงได้ขอพระบางคืนสู่ลาว  สถิต ณ เวียงจันทน์อีกครั้งหนึ่ง  ได้ ๔๕ ปีก็ถูกแย่งชิงกลับไปไว้ในกรุงเทพฯของสยามอีกครั้งหนึ่ง  และได้กลับมายังลาวอีกในสมัยของ  พระเจ้าจันทราช ปกครองหลวงพระบางซึ่งตรงกับสมัยรัชกาลที่ ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ได้ทรงมีพระราชานุญาตให้อัญเชิญพระบางกลับสู่ลาว  โดยออกจากกรุงเทพแล้วขึ้นไป ตามลำน้ำโขงทางเมืองปากลาย    แขวงไชยบุรี ถึงหลวงพระบาง  และประดิษฐาน ณ เมืองนั้นเป็นที่สักการบูชาเลื่อมใสของชาวลาว และชาวพุทธทั่วไปมาจนปัจจุบัน

จะเห็นว่า พระบาง เป็นพระพุทธรูปที่มีความสำคัญต่อคนบนสองฝั่งโขงมายาวนาน  และที่จะเล่าถึงพระบางที่วัดไตรภูมิองค์นี้เพราะเห็นมีชื่อพ้องกัน  ลักษณะก็คล้ายกันมากมาก  และเป็นที่ศรัทธาเลื่อมใสของผู้คนแถบนี้ไม่แพ้กัน  ที่สำคัญมีประวัติการสร้างจากฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงด้วย

       พระบาง  วัดไตรภูมิ  อ.ท่าอุเทน  จ. นครพนม  เป็นพระพุทธรูปยืน ปางห้ามสมุทร  สูง ๘๐ นิ้ว  ประดิษฐานอยู่บนฐานรูปแปดเหลี่ยม   สูง ๑๕ นิ้วรองรับด้วยรูปช้าง ๘ เชือก องค์พระหล่อด้วยโลหะหลายชนิดที่หลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกัน เช่น ทอง นาค เงิน ทองคำขาว  และทองแดง เป็นต้น  ที่รัดประคต(สายรัดเอว)มีนิลฝังอยู่เป็นระยะ ๆ ที่พระนาภีมีเพชรขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๐.๕ นิ้วฝังอยู่ (ปัจจุบันหายไป) องค์พระและฐานสร้างเป็นส่วนแยกออกจากกันได้   สามารถถอดออกได้ เป็น  ๕ ชิ้น คือ  พระรัศมี  พระเศียร  พระหัตถ์ซ้าย-ขวา  ลำตัว  และฐานแปดเหลี่ยม

รอบฐานของพระบางวัดไตรภูมินี้มีจารึกด้วยอักษรลาวเก่า(ไทน้อย)อ่านได้ความว่า  “สมเด็จพระเหมะ วันทา กับทั้ง อัง เต วา สิ  อุบาสก  อุบาสิกา  ได้ร่วมแรง ร่วมใจกันสร้างพระนี้ขึ้นมา  มีขนาดเท่าตัวคน  เพื่อให้ไว้ เป็นที่ สักการะ บูชา เมื่อ ปี พ.ศ. ๒๐๐๘  ตรงกับปีวอก เดือน ๓  ขึ้น ๙ ค่ำ วันศุกร์…”

ตามประวัติแล้ว พระบางวัดไตรภูมิมาจากฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง  จากวัดบ้านคก  แขวงคำเกิด  ขอให้เราคิดถึงประชาชนบนสองฝั่งแม่น้ำโขงโดยตัดความเป็นชาติ  เป็นประเทศออกไป  เราจะเห็นภาพความเป็นอันหนึ่งเดียวกัน  โดยแม่น้ำโขงไม่เคยขวางกั้น   ยิ่งในเรื่องประเพณี วัฒนธรรมที่ต้องตุ้มโฮม(รวมน้ำใจ)กันแล้ว  ถือเป็นปกติที่จะข้ามไปข้ามมาหาสู่  การอัญเชิญพระพุทธรูปจากฝั่งนั้นไปฝั่งนี้  จากฝั่งนี้ไปฝั่งนั้นเป็นไปด้วยศรัทธาโดยแท้  พระบางวัดไตรภูมิก็ถูกอาราธนามาด้วยเหตุนี้  เช่นกัน

      ประมาณปี พ.ศ. ๒๔๕๐  เจ้าเมืองหินบูน  แขวงคำเกิด  มีความรักและเคารพพระอาจารย์หงษ์ ซึ่งขณะนั้นอยู่ที่วัดพระธาตุ  ท่าอุเทน   เป็นภิกษุที่มีผู้นับถือเลื่อมใสกันทั้งสองฝั่งโขงอยู่แล้ว  เจ้าเมืองหินบูน และคณะจึงได้อัญเชิญพระบางจากบ้านคก  ตำบลหินเหิบ มามอบให้ท่านและประดิษฐานไว้ที่วัดพระธาตุท่าอุเทน   และต่อมาได้ย้ายมาที่วัดไตรภูมิจนถึงปัจจุบัน

ขอขอบพระคุณข้อมูล จาก : http://www.utpzone.com

แสดงความเห็น

comments