พ่วงกลับรถท้ายโด่ง ถนนมืดมองไม่เห็น ฟอร์จูนเนอร์เสี่ยพุ่งชน ตาย 2 สาหัส 2

0
3,729 views

รถพ่วงกลับรถช่วงถนนมืด พ่วงหน้าข้ามฝั่งไปแล้ว แต่พ่วงหลังท้ายคาโด่อยู่บนถนนอีกฟาก กลุ่มนักธุรกิจนั่งฟอร์จูนเนอร์มาด้วยกัน 4 คน ชนเข้าอย่างจัง ตาย 2 สาหัส 2

เวลา 21.00 น. วันที่ 31 ต.ค. ร.ต.อ.สันติ สีมาลา รอง สว.(สอบสวน) สภ.คำป่าหลาย อ.เมืองมุกดาหาร รับแจ้งจากศูนย์วิทยุคำป่าหลาย มีเหตุรถยนต์ส่วนบุคคลเฉี่ยวชนกับรถยนต์พ่วง บนถนนชยางกูร ฝั่งมุ่งหน้าไป จ.นครพนม มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย บริวณจุดกลับรถหน้าอู่มานะยนต์ บ้านสามขา ต.คำป่าหลาย อ.เมืองมุกดาหาร

พบรถยนต์นั่งส่วนบุคคล โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ทะเบียน 3 กศ 5126 กรุงเทพมหานคร สภาพจอดอยู่ท้ายรถพ่วง บริเวณช่องเดินรถช่วงกลาง ใกล้กับจุดกลับรถหันหน้าไปทางทิศเหนือ ด้านหน้ารถพัง ได้รับความเสียหาย ส่วนรถพ่วงยี่ห้อฮีโน่ สีขาว พ่วงหน้าทะเบียน 80-4702 มุกดาหาร พ่วงหลัง ทะเบียน 80-4703 มุกดาหาร บรรทุกน้ำมันจอดลักษณะกำลังกลับรถ ทางขวา โดยรถพ่วงหน้าอยู่บริเวณจุดกลับรถ พ่วงหลังอยู่บริเวณช่องเดินรถช่วงกลาง ฝั่งมุ่งหน้าไปนครพนม สภาพด้านท้ายพ่วงหลังได้รับความเสียหาย มีนายไพรพิรุณ ปัททุม อายุ 31 ปี อยู่ที่ 31/1 หมู่ 8 ต.โนนยาง อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร แสดงตัวเป็นคนขับ

ส่วนผู้บาดเจ็บจำนวน 4 คน ประกอบด้วย นายไพรวัลย์ นามประกาย อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 333/1 ถนนมิตรตะโย ต.ในเมือง อ.เมืองนครพนม นายอนุรักษ์ เรืองวรบูรณ์ หรือเฮียจิงตง อายุ 68 ปี อยู่บ้านเลขที่ 52 หมู่ 6 ต.ศรีสงคราม อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม นายสมชาย นันทิเกียรติกุล อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 163/56 หมู่ 13 ต.ธาตุพนม อ.ธาตุพนม จ.นครพนม และนายเกรียงไกร สุรวณิชนิรชร อยู่บ้านเลขที่ 102 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครพนม ได้รับบาดเจ็บสาหัสในที่เกิดเหตุ ได้รับการช่วยเหลือจากชาวบ้าน และชุดกู้ภัยนำผู้บาดเจ็บทั้ง 4 ส่งรักษา รพ.อ.หว้านใหญ่ และ รพ.มุกดาหาร ต่อมา นายอนุรักษ์ เรืองวรบูรณ์ หรือเฮียจิงตง และนายไพรวัลย์ นามประกาย ได้เสียชีวิตที่รพ.หว้านใหญ่ และ รพ.มุกดาหาร

ร.ต.อ.สันติ สีมาลา พงส. เผยว่า สาเหตุคาดว่าถนนจุดเกิดเหตุ เป็นจุดกลับรถที่ไม่มีไฟส่องสว่างข้างทาง น่าจะเป็นเหตุให้คนขับรถฟอร์จูนเนอร์ มองไม่เห็นรถพ่วงที่กำลังกลับรถอยู่ จึงเป็นเหตุชนรถพ่วงท้ายอย่างจังจนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าว ส่วนคนขับรถฟอร์จูนเนอร์ยังไม่ทราบแน่ชัด ว่าเป็นใครขับ ต้องรอสอบปากคำผู้บาดเจ็บทั้ง 2 คน.

ที่มา : https://www.thairath.co.th

แสดงความเห็น

comments