ลุ้นจนเหงื่อหยดผลตรวจนักเรียน 2 แห่งเป็นลบ ผู้ว่าฯคาดโทษร้านอาหารละเลยมาตรการ น้ำตาไหลสองพี่น้องตระเวนตรวจหาเชื้อถึง 4 รพ. ยอดป่วยเพิ่มอีก 6 ราย

0
457 views

วันที่ 29 มิถุนายน 2564 เวลา 11.00 น. ณ ห้องประชุมร่มฉัตร ชั้น 2 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนม(สสจ.ฯ) นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม/ประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดฯ ร่วมกับ นพ.มานพ ฉลาดธัญญกิจ นายแพทย์ สสจ.นครพนม แถลงข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ว่า พบผู้ป่วยยืนยันผลเพิ่มจำนวน 6 ราย เป็นรายที่ 175-180 ของจังหวัด โดย ผวจ.ฯกล่าวว่าหลังมีราชกิจจานุเบกษาล็อกดาวน์(บางส่วน) ซึ่งเป็นมาตรการเร่งด่วนเพื่อสกัดกั้นการระบาดในพื้นที่เป้าหมายเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ(บางส่วน) และปริมณฑล (จังหวัดนครปฐม จังหวัดนนทบุรี จังหวัดปทุมธานี จังหวัดสมุทรปราการ และจังหวัดสมุทรสาคร) และพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา และจังหวัดสงขลา) โดยให้ดำเนินการต่อเนื่องไปเป็นระยะเวลาอย่างน้อยสามสิบวันเพื่อเข้าควบคุมและชะลอการระบาด ทำให้เกิดการเดินทางของผู้ที่ติดเชื้อเข้ามาในพื้นที่ต่างจังหวัด  โดยเฉพาะพี่น้องนครพนมที่ไปทำมาหากินอยู่กรุงเทพฯและปริมณฑลแล้วก็เริ่มกลับภูมิลำเนาเพิ่มขึ้น

ผวจ.ฯกล่าวต่อว่ามีการติดเชื้อในครอบครัวมากขึ้น จึงเสนอคณะกรรมการโรคติดต่อฯ ยกเลิกการกักตัวที่บ้าน ถ้าเราไม่มั่นใจว่าการกักตัวที่บ้านนั้น 100% หรือเปล่า หากเกิดความผิดพลาดจนนำมาซึ่งการระบาดในครอบครัว ก็เลยมีมติให้ยกเลิกการกักที่บ้าน โดยให้ทางอำเภอทุกแห่ง ตำบล หมู่บ้าน แจ้งประชาสัมพันธ์ทราบทั่วกันว่า ทางจังหวัดจัดสถานที่กักตัวโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย และเมื่อเดินทางเข้ามาในพื้นที่จังหวัดนครพนมต้องตรวจหาเชื้อทุกราย ก่อนหน้านี้ก็มีกระแสมาตลอดว่าจะมีการล็อกดาวน์แคมป์คนงานในกรุงเทพฯด้วย ก็ทำให้พี่น้องเราส่วนใหญ่ทยอยกลับมา แล้วมันก็มีสิ่งบอกเหตุว่าระบบสาธารณสุขของกรุงเทพฯ และปริมณฑลเริ่มตึงตัว พี่น้องชาวนครพนมที่ไปทำมาหากินอยู่กรุงเทพฯและปริมณฑล ที่มีอาการป่วยแล้วไม่รู้จะไปเอาเตียงที่ไหน ก็ต้องกลับบ้าน ตรงนี้เป็นธรรมชาติคนเราเวลาเกิดวิกฤต สิ่งแรกที่นึกถึงคือนึกถึงบ้าน ทางจังหวัดไม่ได้รังเกียจยินดีต้อนรับ ไม่มีใครอยากป่วยหรอก แต่ขอให้ได้มาแล้วต้องแจ้งอย่าหลบเข้าบ้าน เพราะมันมีเคสตัวอย่างที่อำเภอธาตุพนมและอำเภอเมืองฯ ที่ไม่ยอมแจ้งผู้นำในพื้นที่ ไม่ยอมตรวจหาเชื้อหลบเข้าบ้านแล้วไปแพร่ จนเป็นเหตุให้ปิดโรงเรียนทั่วทั้งจังหวัด

“สำหรับร้านอาหารถือว่าเป็นจุดเสี่ยงเล็กๆ ที่ทำให้เกิดการติดต่อกัน เพราะว่าเวลาไปนั่งทานรับประทานอาหาร ต้องถอดแมสก์ก็ถือว่าเป็นจุดเสี่ยง ที่ผ่านมาเรากวดขันตอนหลังก็ผ่อนผันให้จำหน่ายแอลกอฮอล์ได้ บางร้านก็เกินพอดีไม่มีรักษาระยะห่าง ก็อยากจะฝากเตือนไว้ว่าในภาวะอย่างนี้ คงไม่มีใครได้ทั้งหมดหรือเสียทั้งหมด ก็คงต้องได้บ้างเสียบ้าง เพราะมันไม่ใช่สถานการณ์ปกติ จะเอาแต่ได้อย่างเดียวโดยไม่คำนึงสิ่งที่จะตามมาถ้ามันมีอะไรเกิดขึ้นผมต้องรับผิดชอบ ก็เลยกำชับว่าถ้าร้านไหนไม่ปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่าง เราจะให้ติดไว้หน้าร้านทุกๆร้านว่า ร้านตั้งได้กี่โต๊ะและนั่งได้ไม่เกินกี่คนไว้หน้าร้านเลย เอาไว้เผื่อพี่น้องประชาชนไปนั่งทาน แล้วไปดูเกินก็จะได้แจ้งประสานเจ้าหน้าที่ไปตรวจ ว่าร้านทำนอกเหนือจากที่เราวางมาตรการหรือเปล่า ถ้ามีการละเมิดมาตรการก็ต้องขออภัยนะ ผมมีความจำเป็นต้องสั่งปิดเป็นรายๆ ไป” ผวจ.นครพนม กล่าว

ด้าน นพ.มานพ ฉลาดธัญญกิจ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม ได้กล่าวต่อสื่อมวลชน ในการตรวจพบผู้ป่วยโควิดจำนวน 6 ราย ว่าเป็นผู้ที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯและปริมณฑล เริ่มจากรายที่ 175 เป็นเพศหญิงอายุ 48 ปี อาชีพค้าขายอยู่ที่ตลาดเอกชัยบางบอน เริ่มมีอาการเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน รุ่งเช้าก็ไปตรวจพบว่ามีผลบวกก็เลยประสานกลับมาที่นครพนมจ้างเหมารถกู้ชีพนำส่ง รพ.สมเด็จพระยุพราชธาตุพนม

ส่วนรายที่ 176 เพศชายอายุ 22 ปี สำหรับผู้ป่วยรายนี้กำชับให้ทางโรงพยาบาลโพนสวรรค์ ต้องได้ดูแลเป็นพิเศษเพราะมีจากโรคประจำตัวที่เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อของไวรัสตัวนี้ด้วย อาจจะมีอาการทางปอดที่รุนแรงได้ หลังทราบว่าติดเชื้อโควิดจากเพื่อน ก็เดินทางกลับด้วยรถตู้โดยสารที่มีฉากกั้นระหว่าห้องโดยสารกับคนขับชัดเจน จึงไม่มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง

รายที่ 177 เพศหญิงอายุ 19 ปี และราย 178 เพศชายอายุ 18 ปี เป็นชาวอำเภอนาหว้า ทำงานที่อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ และการเชื่อมโยงกับการติดเชื้อภายในโรงงาน ทั้งสองรายนี้เริ่มมีอาการเมื่อวันที่ 22-23 มิถุนายน ทั้งคู่พยายามไปโรงพยาบาลเพื่อขอรับการตรวจหาเชื้อโควิดถึง 4 แห่ง ถึงได้ตรวจหาเชื้อพบว่าติดโควิดจึงโทรมาที่โรงพยาบาลนาหว้า เพื่อขอกลับมารักษาที่บ้านและขับรถยนต์ส่วนตัวมาด้วยกัน 3 คน ขับตรงมาที่ รพ.นาหว้าทันที ส่วนผู้เดินทางมาด้วยนั้นผลตรวจเป็นลบ และได้กักตัวตามมาตรการป้องกันโรคแล้ว

และรายที่ 179 เพศชายอายุ 42 ปี ทำงานอยู่โรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์จังหวัดชลบุรี รายที่ 180 เพศหญิงอายุ 66 ปีเป็นแม่ และมีภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์ด้วย โดยทั้งสามเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวกลับนครพนม แทนที่จะเข้าไปที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจหาเชื้อก่อนแล้วก็กลับไปกักตัวเองที่บ้าน ก็กลายเป็นว่าเขข้าบ้านก่อนจึงทำให้เกิดความเสี่ยงในพื้นที่อีก 5 คน แต่ตอนนี้ 3 คนก็ยังไม่พบเชื้อก็ต้องกักตัวแล้จะมีการตรวจรอบ 2 อีกครั้ง ในส่วนของภรรยาที่ตั้งครรภ์คงต้องดูแลอย่างใกล้ชิด

นอกจากนี้ นพ.มานพฯ ได้กล่าวเพิ่มเติมในส่วนของผู้ป่วยรายที่ 174 ที่ตรวจพบก่อนหน้านี้ เป็นชาวอำเภอนาแก ว่า เดินทางมารถทัวร์และลงเปลี่ยนเป็นรถตู้โดยสารสายมุกดาหาร-นครพนม จึงทำให้เกิดผู้สัมผัสเสี่ยงสูงคือเข้ามาด้วยรถทัวร์และรถตู้เพราะฉะนั้นคนที่มีความเสี่ยงจากเหตุการณ์ครั้งนี้อยู่ในรถตู้ประมาณ 6 รายเป็นคนนครพนม 3 ราย ซึ่งในประกาศของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนม ได้แจ้งผู้โดยสารที่เป็นชาวนครพนม จำนวน 3 ราย ที่เดินทางเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน เวลา 07.40 น. จากจังหวัดมุกดาหาร ไปรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขใกล้บ้านทันทีหรือติดต่อสายด่วนข้อมูลโควิด-19  จังหวัดนครพนมหรือโทรศัพท์ที่ 082-844 985 และ 061-0192999

นายแพทย์ สสจ.นครพนม ได้กล่าวถึงผู้ป่วยจำนวน 2 ราย(รายที่ 153 และ 159)  ที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงแล้วฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดนครพนม และไม่มีการกักตัวที่มีคุณภาพ ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อคนที่อยู่ในพื้นที่จำนวนมาก จึงเป็นเหตุต้อทำปิดหมู่บ้าน ซึ่งวันนี้ได้ครบวงรอบของการตรวจครั้งที่ 2  ในกลุ่มของที่สัมผัสเสี่ยงสูงโดยเฉพาะเด็กๆ คือหมู่บ้านน้ำก่ำ ต.น้ำก่ำ อ.ธาตุพนม และหมู่บ้านคำสว่าง ต.วังตามัว อ.เมืองฯ ทั้ง 2 รายมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้เสี่ยงสูงในชุมชนกับในโรงโรงเรียน นอกจากปิดหมู่บ้านแล้วก็ปิดโรงเรียน  และได้ทำการ active case finding จนถึงปัจจุบัน บ้านคำสว่างจำนวน 689 ราย ในส่วนของบ้านน้ำก่ำอยู่ที่ 725 ราย รวมทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 1,400 ราย ไม่มีผลการตรวจที่เป็นบวกคือไม่พบเชื้อทั้งหมด ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนมก็จะสรุปรายงานแล้วก็จะขออนุญาตผู้ว่าราชการจังหวัดและคณะกรรมการโรคติดต่อ เพื่อเปิดหมู่บ้านทั้ง 2 แห่งต่อไป

ที่มา : https://www.77kaoded.com

แสดงความเห็น

comments