แรงงานไทยหนีภัยสงครามลิเบียร้องรัฐช่วย หลังแบกหนี้เปล่าก่อนสัญญาหมด

0
1,039 views

นครพนม – อดีตแรงงานไทยเหยื่อสงครามลิเบียกว่า 100 ชีวิตบุกยื่นร้องทุกข์ศูนย์ดำรงธรรมนครพนมขอความช่วยเหลือ หลังกว่า 10 ปีไม่เคยได้รับการเยียวยาชดเชยจากบริษัทจัดหางาน ต้องแบกภาระหนี้ที่กู้เป็นค่าใช้จ่ายข้ามทะเลไปขุดทองแต่ต้องระเห็จกลับทั้งที่สัญญายังไม่หมด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (11 มิ.ย.) บริเวณศาลากลางจังหวัดนครพนมมีแรงงานไทยที่ประสบภัยสงครามจากประเทศลิเบียกว่า 100 คนเดินทางมารวมตัวกันเพื่อยื่นหนังสือต่อ นายสมชาย วิทย์ดำรงค์ ผู้ว่าราชการ จ.นครพนม ผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดฯ โดยมีนายไชยวุฒิ วัชเนทร์สุนทร นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ รองผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมฯ พร้อมตัวแทนจากสำนักงานจัดหางานฯ แรงงานจังหวัดฯ รับหนังสือดังกล่าว 

นายพิสิษฐ์ หรือ นายมานะ พึ่งกล่อม อายุ 51 ปี บ้านเลขที่ 54 หมู่ 13 บ้านเอราวัณ ต.ผาอินแปลง อ.เอราวัณ จ.เลย ซึ่งเป็นแกนนำกลุ่มแรงงานไทยเปิดเผยว่า มีคนงานที่ไปทำงานประเทศลิเบียและตัวแทนของผู้ใช้แรงงานเดินทางมาจากจังหวัดอุดรฯ หนองคาย บึงกาฬ และนครพนม เพื่อขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานราชการขอความเป็นธรรมจากความเดือดร้อนที่ได้รับจากสงครามลิเบียเมื่อกว่า 10 ปีก่อน

นายพิสิษฐ์เล่าว่า ในราวปลายปี 2553 เกิดสงครามภายในประเทศลิเบีย คนงานไทยกลุ่มดังกล่าวต้องเดินทางกลับประเทศไทยก่อนครบสัญญาการว่าจ้าง ก่อนไปทำงานแต่ละคนเสียค่าคอมมิชชันตั้งแต่ 120,000-180,000 บาท ผ่านบริษัทจัดหางานอย่างถูกต้อง เมื่อเกิดภัยสงครามก็กลับมาถึงเมืองไทยช่วงต้นปี 2554 และได้รับเงินช่วยเหลือจากกรมการจัดหางานเพียงรายละ 15,000 บาท โดยบริษัทจัดหางานที่จัดส่งไม่เคยยื่นมือมาช่วยเหลือแม้แต่บาทเดียว 

แรงงานไทยแต่ละคนต้องกู้หนี้ยืมสินมาจ่ายค่าคอมมิชชัน ถึงวันนี้เวลาล่วงมาเกือบ 10 ปียังไม่มีหน่วยงานผู้เกี่ยวข้องมาสอบถามหรือช่วยเหลือเยียวยา สอบถามไปก็บอกให้รอก่อน จึงรวมตัวกันมายื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมและจังหวัดอื่นๆ ที่เป็นภูมิลำเนาของแรงงานไทย

นางสงกรานต์ อินทโน อายุ 49 ปี บ้านเลขที่ 256 หมู่ 14 บ้านม่วง ต.คอนสาย อ.กู่แก้ว จ.อุดรฯ เปิดเผยว่า ตนเป็นภรรยาของนายคำแพ่ง ซึ่งเป็นแรงงานไทยไปทำงานประเทศลิเบียได้เพียง 2 เดือนก็เกิดสงครามจึงกลับก่อนกำหนด และต้องทำงานใช้หนี้ที่ยืมไป ตนมาเป็นตัวแทนสามีเพราะนายคำแพ่งเสียชีวิตไปเมื่อปี 59

ด้านนางพวงพิกุล สุพร อายุ 52 ปี บ้านเลขที่ 175 หมู่ 4 บ้านเหล่าทุ่ง ต.สีชมพู อ.นาแก จ.นครพนม ภรรยาของนายผง สุพร ที่เสียค่าคอมมิชชันให้นายหน้าที่เปิดบริษัทจัดหางานในจังหวัดนครพนมแถวตลาดโต้รุ่ง เป็นเงิน 180,000 บาท หลังเดินทางกลับก็ไม่เคยได้รับการเยียวยาช่วยเหลือแต่ประการใด ติดตามสอบถามก็โยนไปให้บริษัทที่กรุงเทพฯ ตนได้มาเป็นตัวแทนสามีเพราะนายผงเสียชีวิตไปแล้วเช่นกัน

ด้านนายนิกร แสนสุวรรณ อายุ 49 ปี บ้านเลขที่ 4 หมู่ 13 บ้านค้อน้อยทรายงาม ต.พังงู อ.หนองหาน จ.อุดรฯ ซึ่งเป็นคนไทยที่ไปขายแรงงานในประเทศลิเบีย กล่าวว่า ตนไปทำงานในตำแหน่งช่างไม้ ช่างปูน ย่านเบงกาซี เมืองใหญ่อันดับสองของลิเบีย ต่อมาเกิดสงครามมีคนลิเบียเข้ามาปล้นเอาเสบียงในแคมป์ ก่อนจะจุดไฟเผาที่พัก พวกตนกว่าร้อยชีวิตหนีตายออกมา เหลือทรัพย์สินติดตัวเฉพาะเสื้อผ้าที่สวมใส่เท่านั้น 

หลังจากนั้นได้พากันเดินข้ามทะเลทรายไปขอความช่วยเหลือจากตำรวจท้องถิ่นส่งตัวกลับทางเรือมาขึ้นบกที่ท่าเรือคลองเตย ใช้เวลาเดินทาง 15 วัน มีเจ้าหน้าที่แรงงานมารับไปกระทรวงแรงงาน และได้เงินช่วยเหลือเพียง 15,000 บาทเท่านั้น

วันเวลาล่วงเลยมาเกือบสิบปี พวกคนงานไทยต้องหาเงินมาใช้หนี้ที่ยืมไปเป็นค่าคอมมิชชันโดยปราศจากผู้เหลียวแล จึงต้องมาร้องขอความเป็นธรรมดังกล่าว

ที่มา : https://mgronline.com

แสดงความเห็น

comments