เปิดงาน “ไหลเรือไฟ” นครพนมวันแรก สุดคึกคัก นักท่องเที่ยวแห่ชมเรือไฟ โชว์ยิ่งใหญ่อลังการงานสร้าง พร้อมสาธิตการจุดตะเกียงเรือไฟจากแรงงานชาวบ้านศิลปิน ขณะที่ไฮไลต์อยู่ที่คืนวันที่ 24 ต.ค.นี้
เมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 17 ต.ค.61 ที่บริเวณเวทีกลางศาลากลางจังหวัดนครพนม นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธาน นำข้าราชการ เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานภาครัฐเอกชน ตัวแทนผู้นำท้องถิ่น และประชาชน เปิดงานประเพณีออกพรรษาไหลเรือไฟ และงานกาชาดประจำปี 2561 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-25 ตุลาคม 2561 เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว เชิญชวนประชาชน นักท่องเที่ยว มาเที่ยวชมงานประเพณีไหลเรือไฟอย่างเป็นทางการ
โดยทุกวันในช่วงเย็นตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม 2561 จะมีการไหลเรือไฟโชว์วันละ 1 ลำ เพื่อเป็นการเชิญชวนประชาชน นักท่องเที่ยว ให้มาเที่ยวงานไหลเรือไฟ ในคืนไฮไลต์คือวันที่ 24 ตุลาคม 2561 ซึ่งภาคเช้าจะมีการประกอบพิธีสำคัญ รำบูชาพระธาตุพนม ที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ซึ่งเป็นประเพณีสำคัญที่ถือปฏิบัติกันมาทุกปี ส่วนภาคค่ำจะมีการประกวดไหลเรือไฟ โดยชาวบ้านศิลปินเรือไฟร่วมแรงร่วมใจจากพลังศรัทธาทำขึ้นมากถึง 14 ลำ มีขนาดความสูงตั้งแต่ 20-30 เมตร ความยาวประมาณ 60-80 เมตร ประดับตกแต่งด้วยตะเกียงไฟมากกว่า 30,000-40,000 ดวง ซึ่งจะมีการออกแบบลวดลายที่เน้นส่งเสริมการท่องเที่ยว สถานที่สำคัญของ จ.นครพนม ไปจนถึงการแสดงออกถึงความรักในสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อีกทั้งเป็นการสืบสานประเพณีอันดีงาม
ขณะเดียวกันที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง ถนนสุนทรวิจิตร ในเขตเทศบาลเมืองนครพนมได้มีการจัดไหลเรือไฟโชว์ ความยาวขนาด 30 เมตร สูง 30 เมตร ประดับด้วยตะเกียงไฟ ประมาณ 10,000 ดวง เพื่อเป็นการเชิญชวน ประชาชน นักท่องเที่ยว มาเที่ยวชมงานไหลเรือไฟในวันสำคัญ คือ คืนวันที่ 24 ตุลาคม 2561 ซึ่งในทุกวัน ก่อนถึงวันประกวดจะมีการไหลเรือไฟโชว์คืนละ 1 ลำ พร้อมจะมีการสาธิตการจุดตะเกียงเรือไฟที่เกิดจากความรัก ความสามัคคี และความศรัทธา เนื่องจากเรือไฟทุกลำก่อนไหลจะมีการจุดเรือไฟจากแรงงานชาวบ้านศิลปินเรือไฟทีละดวงจนกว่าจะครบทั้งลำ เพื่อให้ตะเกียงไฟส่องสว่างออกมาเป็นลวดลาย รูปภาพต่างๆ ที่มีความสวยงาม เอาใจประชาชนนักท่องเที่ยว ถือเป็นเสน่ห์ของเรือไฟที่แสดงออกถึงพลังศรัทธา ซึ่งทุกปีศิลปินเรือไฟจะทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจ รวมถึงงบประมาณลำละ 5 แสน ถึง 1 ล้านบาท เพื่อสร้างความสวยงามอลังการโชว์นักท่องเที่ยว โดยไม่คิดถึงค่าจ้างรางวัล แต่เน้นการสืบสานประเพณี และทำด้วยความรักความศรัทธาในประเพณีอันดีงามของจังหวัด
ที่มา : https://www.thairath.co.th
