คุก 8 ปี หนุ่มคนสนิท ฆ่าแขวนคอสาวแรงงานนครพนม สั่งชดใช้เกือบล้านบาท

0
1,987 views

ศาลตัดสิน จำคุก 8 ปี หนุ่มคนสนิทฆ่าสาวแรงงานนครพนม ชดใช้อีกเกือบล้านบาท จำเลยสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง ตร.ชี้พยานหลักฐานแน่น ไม่มีแพะ …

เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2561 พล.ต.ต.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า ความคืบหน้ากรณี คดี ฆาตกรรมสาวข้าราชการแรงงานจังหวัดนครพนม ผู้เสียชีวิตคือ น.ส.นันธิดา เพ็งเวลุน อายุ 32 ปี เลขที่ 10 หมู่ 3 ต.ท่าลาด อ.เรณูนคร ตำแหน่งเจ้าพนักงานแรงงานปฏิบัติงาน (ฝ่ายต่างด้าว) สำนักงานแรงงานจังหวัดนครพนม เหตุเกิดภายในระเบียงด้านหลังห้องเช่าที่ 1 บริเวณ บ้านเลขที่ 26/15 ซอยสว่างพัฒนา ชุมชนโพนสว่าง ในเขตเทศบาลเมืองนครพนม ช่วงกลางดึกคืนวันที่ 9 มีนาคม 2560 จนกระทั่งมีคนพบศพ เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 10 มีนาคม 2560 โดยผู้ตายอยู่ในสภาพถูกแขวนคอ

ภายหลังเกิดเหตุตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติศาลออกหมายจับ นายประจักษ์ คำบัว หรือเจี๊ยบ อายุ 32 ปี ซึ่งทำงานเป็นพนักงานขับรถในที่ทำงานเดียวกัน และมีการจับกุมรับทราบข้อกล่าวหา ในข้อหา กระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และซ่อนเร้นย้ายหรือทำลายศพ หรือส่วนของศพ เพื่อปิดบังการเกิดการตาย หรือเหตุแห่งการตาย โดยมีอายุความ เป็นเวลา 15 ปี

แต่เบื้องต้นผู้ต้องหาจะให้การภาคเสธ ซึ่งทางตำรวจไม่หนักใจ ยืนยันว่ามีพยานหลักฐาน น้ำหนักเพียงพอที่จะเอาผิดคนร้ายได้อย่างแน่นอน จนกระทั่งมีการรวบรวมพยานหลักฐานเกี่ยวข้อง สรุปสำนวนส่งอัยการ เข้าสู่กระบวนการฟ้องต่อศาลจังหวัดนครพนม

ล่าสุดผลการพิจารณาคดี ทราบว่า ทางศาลจังหวัดนครพนม ได้มีการ พิจารณาตัดสิน ตามเอกสารคำพิพากษา เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2560 พิพากษา ว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 199 290 วรรคแรก การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา 91 ฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย จำคุก 8 ปี ฐานย้ายศพเพื่อปิดบังเหตุแห่งการตาย จำคุก 4 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย คงจำคุก 4 ปี ฐานย้ายศพเพื่อปิดบังเหตุแห่งการตาย คงจำคุก 2 เดือน รวมจำคุก 4 ปี 2 เดือน ให้จำเลยชำระค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ ร่วมที่ 1 คือ บิดาผู้ตาย เป็นเงิน 534,702 บาท และชดเชยแก่โจทก์ร่วมที่ 2 คือ สามีผู้ตาย เป็นเงิน 948,000 บาท

ทั้งนี้ ในการดำเนินคดี ตั้งแต่ชั้นพนักงานสอบสวนทางตำรวจมีหลักฐานชัดเจน ทั้งพยานหลักฐานต่างๆ ที่สำคัญ มีผลตรวจของกองพิสูจน์หลักฐาน ที่มีการเก็บหลักฐาน ในที่เกิดเหตุภายในห้องผู้ตาย ทั้งผ้าพันคอที่ใช้ผูกแขวนคอผู้ตาย ราวเหล็กที่ผูกผ้าแขวนคอ ที่มีการเก็บพิมพ์ลายนิ้วมือ รวมถึงดีเอ็นเอ ทำให้ผลตรวจออกมายืนยันตรงกับดีเอ็นเอของผู้ต้องหาชัดเจน เป็นหลักฐานสำคัญในการมัดตัวผู้ต้องหา

โดยยืนยันว่าในการดำเนินคดี ตำรวจได้ทำตามขั้นตอนที่รัดกุม ไม่ได้เชื่อเพียงหลักฐานอย่างหนึ่งอย่างใด แต่มีทั้งพยาน หลักฐาน ที่ชัดเจนครบกระบวนการ ที่สำคัญผลตรวจทางวิทยาศาสตร์เป็นสิ่งสำคัญในการยืนยัน มัดตัวผู้ต้องหา โดยสาเหตุการเสียชีวิต มีการทำให้ผู้ตายขาดอากาศหายใจ ก่อนนำไปแขวนคออำพรางคดี

ส่วนประเด็นสาเหตุที่มา เป็นเรื่องปัญหาส่วนตัวและความหึงหวง ฝากพี่น้องประชาชนในการทำงาน ตำรวจไม่ได้ตัดสินใจด้วยตัวบุคคลหนึ่งคนใด มีระเบียบขั้นตอนของกฎหมาย ที่ผ่านมาถึงแม้จะมีการร้องทุกข์ว่าตกเป็นแพะ แต่ตำรวจยืนยันว่า มีหลักฐานที่ชัดเจน ในทางนิติวิทยาศาสตร์ ไม่มีแพะแน่นอน จนกระทั่งมีคำพิพากษาของศาล เป็นที่สิ้นสุด.

ที่มา : https://www.thairath.co.th

แสดงความเห็น

comments