ตำรวจนครพนมโชว์จับผู้ต้องหาค้ากัญชาแท่ง พร้อมของกลางรวมกว่า 450 กิโลกรัม

0
1,031 views

พล.ต.ต.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล ผบก.ภ.จว.นครพนม แถลงจับผู้ต้องหาพร้อมของกลางกัญชาอัดแท่งรวมกว่า 450 กิโลกรัม

นครพนม – ตำรวจนครพนม โชว์ผลงานจับกุมแก๊งค้ากัญชาอัดแท่งจากประเทศเพื่อนบ้าน สามารถจับกุมได้ที่ สภ.ศรีสงคราม และ สภ.ท่าอุเทน จับผู้ต้องหาได้ 2 ราย ยึดกัญชาอัดแท่งได้กว่า 450 กิโลกรัม พร้อมรถยนต์ 2 คัน พร้อมไล่ล่าผู้ต้องหาอีกรายที่กำลังหลบหนีคดี

วันนี้ (13 ส.ค.) ที่หน้ากองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม พล.ต.ต.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล ผบก.ภ.จว.นครพนม พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ จันทร์ศรี ผกก.สภ.ศรีสงคราม พ.ต.อ.ธานัท จิราธนะกุล ผกก.สภ.ท่าอุเทน ร่วมกันแถลงข่าวตรวจยึด และจับกุมของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) รวมทั้งสิ้น 2 คดี จำนวน 450 แท่ง ประมาณ 450 กิโลกรัม รถยนต์เก๋งยี่ห้อฟอร์ด เฟียสต้า สีขาว ทะเบียน 1 กบ 2428 กรุงเทพมหานคร รถยนต์กระบะแค็บ ยี่ห้ออีซูซุ ดีแมคซ์ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน บท 572 นครพนม โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง และผู้ต้องหา 2 คน ข้อกล่าวหา “มียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย”

คดีแรกเป็นการบูรณาการระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 4 นำโดย ร.ต.อ.ประวีณ วงษ์ปัญญา หัวหน้าชุด ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ศรีสงคราม โดย พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ จันทร์ศรี ผกก.สภ.ศรีสงคราม และ ส.ท.ศรายุทธ ศรีนาทม ร้อย รส.ร.3 พัน 3 จับกุมผู้ต้องหา 2 คน ทราบชื่อคือ นายสนธยา หรือต่อ สอนเสนา อายุ 28 ปี บ้านเลขที่ 92 หมู่ 8 ต.วังไชย อ.บรบือ จ.มหาสารคาม นายลีโอ (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี บ้านเลขที่ 49 หมู่ 8 ต.วังไชย อ.บรบือ จ.มหาสารคาม

ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจออกตรวจพื้นที่ถึงถนนทางหลวงชนบท สายบ้านเสียว-หาดแพง หน้าศูนย์ศิลปาชีพศรีสงคราม หมู่ 1 ต.หาดแพง อ.ศรีสงคราม ซึ่งปกติยามค่ำคืนจะมีรถสัญจรผ่านน้อยมาก พบรถยนต์เก๋งยี่ห้อฟอร์ด เฟียสต้า มีพฤติการณ์ขับขี่วกไปวนมาลักษณะมีพิรุธ บริเวณถนนที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่เห็นผิดปกติจึงขอตรวจค้นโดยใช้สัญญาณเรียกให้หยุด พบนายสนธยา หรือต่อ เป็นผู้ขับขี่ นายลีโอ เป็นผู้นั่งมาด้วย ทั้งคู่มีอาการสั่นเทาสีหน้าซีดเผือด เมื่อส่องไฟเข้าไปในเก๋ง พบกัญชาของกลางซุกซ่อนอยู่ในห้องโดยสารด้านหลังคนขับ จำนวน 2 กระสอบ (60 แท่ง) และอยู่ในกระโปรงท้ายรถอีก 3 กระสอบ (90 แท่ง) รวมจำนวน 5 กระสอบ (150 แท่ง) จึงนำตัวไปสอบสวนเพิ่มเติมที่ สภ.ศรีสงคราม

ผู้ต้องหารับสารภาพว่า ได้รับว่าจ้างจากหญิงไม่ทราบชื่อ พูดสำเนียงอีสาน คนละ 10,000 บาท ให้มาขนกัญชาของกลางทั้งหมดในเขตพื้นที่ อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม นายสนธยา อ้างว่า ไม่เคยรู้จัก และพบกับผู้หญิงคนดังกล่าวมาก่อน แต่หญิงคนนั้นวางแผนให้มารับรถยนต์เก๋งบริเวณบริษัทขนส่งจังหวัดนครพนม เพื่อขับมารับกัญชาที่หลัก กม.29 ก่อนถึง อ.บ้านแพง ริมถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 212 (สายบ้านแพง-นครพนม) แล้วให้ขับเอาของกลางไปส่งที่ปั๊ม ปตท.จ.หนองบัวลำภู แต่หลังจากได้ของกลางแล้ว ขับมาถึงที่เกิดเหตุจึงถูกจับกุมดังกล่าว

ส่วนคดีที่ 2 เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2560 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า จะมีการลำเลียงกัญชาแห้งอัดแท่งจากประเทศเพื่อนบ้าน ไปส่งให้แก่ลูกค้าที่อำเภอโพนสวรรค์ จ.นครพนม โดยใช้เส้นทางบ้านไชยบุรี หมู่ 7 ต.ไชยบุรี อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม จึงวางแผนดักซุ่มบริเวณเส้นทางดังกล่าว ซึ่งรายล้อมไปด้วยบ้านเรือนประชาชน การทำงานของเจ้าหน้าที่จึงต้องเพิ่มความระมัดระวังอย่างสูง เพราะอยู่กลางชุมขน ส่วนอีกชุดหนึ่งดักซุ่มรอริมถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 212 (บ้านแพง-นครพนม)

กระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 05.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจพบรถยนต์ต้องสงสัยขับขี่ออกมาตามถนนในหมู่บ้านไชยบุรี มุ่งหน้าขึ้นถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลขดังกล่าว เจ้าหน้าที่ส่งสัญญาณปล่อยให้วิ่งผ่านไปจนถึงทางแยกขึ้นทางหลวง เลี้ยวขวามุ่งหน้าไปทาง อ.บ้านแพง แล้วชุดจับกุมที่ดักซุ่มอยู่หน้าโรงงานผลิตน้ำแข็ง เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ก็รีบเบรกรถกลางถนน พร้อมกับมีชายคนหนึ่งเปิดประตูรถยนต์ฝั่งคนขับวิ่งหลบหนีเข้าป่าข้างทางไปอย่างรวดเร็ว 

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วิ่งติดตามแต่ไม่สามารถควบคุมตัว เนื่องจากมืดค่ำ หากติดตามคนร้ายอาจจะมีอาวุธยิงสวนกลับมาจะได้รับอันตรายได้ จึงได้ตรวจสอบที่ท้ายกระบะ พบวัตถุห่อหุ้มด้วยพลาสติกสีดำพันด้วยเทปกาว จำนวน 15 ห่อๆ ละ 20 ก้อน ภายในพบเป็นกัญชาแห้งอัดแท่ง 300 ก้อน ประมาณ 300 กิโลกรัม และยังพบบัตรประจำตัวประชาชนอยู่ภายในรถยนต์

ระบุชื่อ นายสำลี โยลัย อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 87 หมู่ 4 ต.นาหัวบ่อ อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม ประวัติเคยต้องโทษคดีจำหน่ายยาเสพติด พื้นที่จังหวัดสกลนคร ออกจากคุกเมื่อปี 2557 ตรวจสอบผู้ครอบครองรถยนต์คันดังกล่าว คือ นายชลธี โยลัย ซึ่งเป็นบุตรของ นายสำลี เปิดเผยว่า ผู้เป็นพ่อติดเครดิตบูโร จึงให้ตนเป็นคนเช่าซื้อ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สืบสวนขยายผลติดตามจับกุมตัวผู้หลบหนี และเครือข่ายผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ที่มา : http://www.manager.co.th

แสดงความเห็น

comments