อุบัติเหตุรถพ่วงแหกโค้ง ชนกระบะ 2 คัน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ศพ บาดเจ็บสาหัส 3 ราย
นครพนม – รถพ่วง 18 ล้อ ทะเบียน สปป.ลาว วิ่งเข้าตัวเมืองนครพนม เกิดอุบัติเหตุหลุดโค้ง รถพุ่งข้ามเลนไปชนรถยนต์กระบะ 2 คัน ผลเสียชีวิต 1 ศพ บาดเจ็บสาหัสอีก 3 คนขับรถพ่วงอาศัยช่วงชุลมุนหลบหนี
วันนี้ (28 ส.ค. 60) ร.ต.อ.หญิง จุฬารัตน์ อาจภิรมย์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองนครพนม รับแจ้งอุบัติเหตุรถชนกันมีผู้บาดเจ็บรายหลาย สถานที่เกิดเหตุบนทางหลวงหมายเลข 212 สายนครพนม-ท่าอุเทน เยื้องกับโรงสีเทียมศักดิ์พาณิชย์ บ.ห้อม หมู่ 1 ต.อาจสามารถ อ.เมืองนครพนม จึงนำกำลังไปตรวจสอบ พร้อมหน่วยกู้ชีพ 1669 โรงพยาบาลนครพนม กู้ภัยนครพนม และเจ้าหน้าที่แขวงการทางนครพนม
ที่เกิดเหตุฝั่งขาเข้าตัวเมือง ก่อนถึงสะพานมิตรภาพแห่งที่ 3 ราว 100 เมตร พบรถกระบะโตโยต้า วีโก้ 4 ประตู สีดำ ทะเบียน บต 4716 นครพนม จอดกลางถนนสภาพรถพังยับเยิน พบนายสมชาย ภิวงศ์ วัย 42 ปี คนขับได้รับบาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่ใช้เครื่องตัดถ่างงัดร่างอย่างทุลักทุเล ส่วนนางศิริขวัญ ทวีสิน อายุ 42 ปี ภรรยาที่นั่งเบาะข้างคนขับ บาดเจ็บที่หัวไหล่เล็กน้อย ใกล้กันรถพ่วง 18 ล้อ ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว ทะเบียน สปป.ลาว บภ 1362 คำม่วน หัวลากและลูกพ่วงตกกระเด็นริมไหล่ทาง ส่วนคนขับอาศัยช่วงชุลมุนวิ่งหลบหนีเข้าป่าไปอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ยังพบรถกระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีดำ ทะเบียน บต 3930 นครพนม ตกริมไหล่ทางท้ายรถจมคูน้ำ สภาพรถด้านหน้าพังยับ ในซากรถพบนายมานะชัย ภูมิไชย อายุ 40 ปี คนขับ ชาวบ้านบ้านยางนกเหาะ ต.เวินพระบาท อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม พร้อมภรรยาและลูกน้อย 2 ขวบ ได้รับบาดเจ็บสาหัส กู้ชีพจึงรีบนำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลนครพนมอย่างเร่งด่วน กระทั่งนายมานะชัยทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่ารถพ่วง 18 ล้อที่มีชายชาวลาวเป็นคนขับจาก อ.ท่าอุเทน มุ่งหน้าจะเข้าตัวเมืองด้วยความเร็วสูง ขณะวิ่งมาถึงทางโค้งได้เสียหลักข้ามเลนไปเฉี่ยวชนกับรถกระบะโตโยต้าของนายสมชายที่มาจากตัวเมืองจะมุ่งหน้าไปยัง อ.ท่าอุเทน ก่อนที่รถของนายมานะชัย ผู้เสียชีวิตที่ขับวิ่งจาก บ.ยางนกเหาะ ตามหลังมาจะไปขายข้าวในตัวเมือง ถูกลูกพ่วงปัดลากรถยนต์ผู้ตายลงริมไหล่ทาง กระทั่งมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัส 3 รายดังกล่าว
หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้สอบพยานในที่เกิดเหตุและละแวกใกล้เคียงอย่างละเอียด เพื่อจะได้เร่งสืบสวนติดตามนำตัวโชเฟอร์รถพ่วง 18 ผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีต่อไป
ที่มา : http://www.manager.co.th
