ลูกหนี้เฮลั่น ศาลอุทธรณ์ยืนคุก 2 ปีนายทุนโหด “เจ๊สุ” พร้อมลูกน้องไม่รอลงอาญา

0
1,296 views

(แฟ้มภาพ)“เจ้สุ” นางสาวสุนภา หรือสุพิชญ์ฌา เรืองสุวรรณ หรือ อภิชัจฐ์โภคิน อายุ 56 ปี

เจ้าของ บจ.มิตรศิลป์มอเตอร์ไซด์ นครพนม

  นครพนม – เฮกันทั้งเมือง..“เจ๊สุ” จ.นคพนม เจ้าแม่เงินกู้โหดไม่รอด ศาลอุทธรณ์ยืนคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญาคดีลูกหนี้ใจเด็ดยื่นฟ้องข้อหาเบิกความเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล โดยคดีนี้ศาลชั้นต้นได้พิพากษาจำคุก “เจ๊สุ” พร้อมลูกน้องสาวผู้เป็นมือขวาเป็นเวลา 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา และประกันตัวออกมาสู้คดีกันในชั้นอุทธรณ์

รายงานข่าวแจ้งว่า สายวันนี้ (9 ส.ค.) บริเวณศาลจังหวัดนครพนมมีบรรดาลูกหนี้ของเจ้าแม่เงินกู้นอกระบบคนดัง “เจ๊สุ” นางสาวสุนภา หรือสุพิชญ์ฌา เรืองสุวรรณ หรือ อภิชัจฐ์โภคิน อายุ 56 ปี เจ้าของ บจ.มิตรศิลป์มอเตอร์ไซค์ เลขที่ 924/1-4 ถ.อภิบาลบัญชา เขตเทศบาลเมืองนครพนม เดินทางมารวมตัวกันที่ศาลาพักญาติราว 50 คน เพื่อมาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีที่ นางสาลิกา คนฉลาด อายุ 69 ปี อยู่บ้านเลขที่ 40 หมู่ 7 บ้านเหล่าภูมี ต.หนองญาติ อ.เมือง จ.นครพนม เป็นโจทก์ยื่นฟ้องในข้อหาเบิกความเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล

โดยคดีนี้ศาลชั้นต้นได้พิพากษาจำคุกเจ๊สุพร้อมลูกน้องสาวผู้เป็นมือขวา เป็นเวลา 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา และประกันตัวออกมาสู้คดีกันในชั้นอุทธรณ์

ต่อมาวันที่ 31 พ.ค. 60 ที่ผ่านมา เป็นวันที่ศาลอุทธรณ์นัดฟังคำพิพากษา แต่ทนายฝ่ายจำเลยคือ เจ๊สุ ยื่นเอกสารขอเลื่อน อ้างว่าลูกความป่วยกะทันหันพร้อมกับยื่นแถลงปิดคดีกับศาลอุทธรณ์ภาค 4 เพิ่มเติม ซึ่งศาลเมตตานัดให้มาฟังคำพิพากษาในวันนี้ (9 ส.ค.) เวลา 09.00 น.

โดยทันทีที่เจ๊สุเดินทางมาถึงศาลจังหวัดนครพนมได้รีบขึ้นไปนั่งรออยู่ในห้องพิจารณา 6 เพื่อหลบการเผชิญหน้ากับบรรดาลูกหนี้ที่เดินทางมารอฟังคำพิพากษาเป็นจำนวนมาก และในที่สุดผู้พิพากษาได้ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ ยืนตามศาลชั้นต้นให้จำคุกเจ๊สุ พร้อมลูกน้องเป็นเวลา 2 ปี

ทำให้เจ้าแม่เงินกู้คนดังสิ้นสุดอิสรภาพทันที เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำศาลฯ ควบคุมตัวไปคุมขังยังห้องขังใต้ถุนศาล รอทนายความยื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัวเพื่อต่อสู้ในชั้นฎีกา ซึ่งอยู่ในดุลพินิจของศาลฯ จะพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป

นางสาลิกา คนฉลาด โจทก์ในคดีและเป็นผู้สร้างตำนานเอาคนรวยเข้าคุก

  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังศาลอ่านคำพิพากษาเสร็จ กลุ่มลูกหนี้ได้เดินลงมายังศาลาพักญาติ ต่างโผเข้ากอดกันร่ำไห้ด้วยความดีใจ

นางสาลิกา คนฉลาด โจทก์ในคดีและเป็นผู้สร้างตำนานเอาคนรวยเข้าคุก เปิดเผยว่า ขอบคุณในความยุติธรรม ตนน้อมรับฟังคำพิพากษาไม่ว่าจะออกมาในทิศทางใด วันนี้ทุกอย่างเหมือนถูกปลดปล่อย รู้สึกโล่งใจมาก ดีใจจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

แฉเล่ห์ “เจ๊สุ” ฮุบที่ดินลูกหนี้

สำหรับคดีดังกล่าว นางสาลิกาเล่าเรื่องย้อนหลังว่า เมื่อปี 2552 ได้มีนายหน้าจัดหางานมาชักชวนลูกเขยกับลูกสาวของตนไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้ แต่ต้องเสียค่านายหน้าในการดำเนินการ ซึ่งตนอยากให้ลูกไปทำงานต่างประเทศ แต่ไม่มีเงินเสียค่านายหน้า จึงนำโฉนดที่ดินจำนวน 3 แปลงไปจำนองค้ำประกันกับนายทุน คือ “เจ๊สุ” โดยเจ๊สุได้ตีราคาที่ดินทั้ง 3 แปลงรวมกันเป็นเงิน 580,000 บาท

หลังจดจำนองเสร็จกลับได้รับเงินเพียง 520,000 บาท โดยเจ๊สุอ้างว่าต้องหักดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3 บาท/เดือน ไว้ล่วงหน้า 3 เดือน ที่เหลือเป็นค่าดำเนินการจดจำนอง และค่านายหน้ารวมเบ็ดเสร็จเป็นเงิน 6 หมื่นบาท โดยนัดให้มารับเงินในวันรุ่งขึ้น

วันรุ่งขึ้นตนไปรับเงินที่สำนักงานของเจ๊สุ ซึ่งเปิดเป็นร้านจำหน่ายรถจักรยานยนต์ ก่อนรับเงินเจ๊สุได้ให้เซ็นสัญญาค้ำประกันเงินกู้ เป็นจำนวนเงินอีก 870,000 บาท โดยอ้างว่าทำกันไว้เฉยๆ ไม่เป็นอะไร หากไม่ยอมเซ็นก็จะไม่ได้เงิน ตนจึงจำยอมต้องเซ็นชื่อลงไป

นางสาลิกาเปิดเผยว่า ต่อมาตนไปกู้เงินกับกองทุนหมุนเวียนเพื่อการกู้ยืมแก่เกษตรกรและผู้ยากจน (อชก.) และได้รับการอนุมัติจึงนำเงินไปขอปลดหนี้ แต่ไม่คาดคิดเจ๊สุใช้เล่ห์เพทุบายนำเอายอดเงินในสัญญาที่ทำเพิ่มทีหลังมาบวกเพิ่มเข้าไปอีก รวมเป็นเงินประมาณทั้งสิ้น 1,400,000 บาท (หนึ่งล้านสี่แสนบาท) ซึ่งตนต่อรองขอชำระเท่าที่ได้กู้มาจริงคือ 580,000 บาท แต่เจ๊สุก็ไม่ยอม

หลังจากนั้นเจ๊สุก็ให้ทนายความยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดนครพนม บังคับจำนอง เป็นจำนวนเงิน 1,238,125 บาท บวกดอกเบี้ยอีกเป็นเงินรวมทั้งสิ้น 1,900,000 บาท ตนก็ได้ต่อสู้คดีมาโดยตลอดตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา จนกระทั่งถึงศาลฎีกาพิพากษาให้ตนชำระหนี้เพียงแค่ 520,000 บาท เท่ากับจำนวนเงินที่ได้รับไปจริง ซึ่งตนก็ได้กู้ยืมเงินจาก อชก.ไปชำระเรียบร้อยแล้ว

อย่างไรก็ตาม นางสาลิกากล่าวว่า ด้วยความเจ็บแค้นและยอมไม่ได้กับการเอารัดเอาเปรียบคนจนของนายทุนเงินกู้ ซึ่งไม่ได้มีแต่ตนเท่านั้นที่ถูกกระทำลักษณะนี้จากเจ๊สุ ตนจึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.เมืองนครพนม ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีเจ๊สุ ในข้อหาเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล ในวันที่ 28 สิงหาคม 2557 แต่หลังจากสอบสวนแล้วพนักงานอัยการกลับสั่งไม่ฟ้อง

ลั่นรวยแต่โกงก็ต้องติดคุก

ตนจึงตัดสินใจจ้างทนายความฟ้องเป็นคดีอาญาต่อศาลจังหวัดนครพนมเอง เป็นคดีดำเลขที่ 198/2559 และคดีแดงที่ 2776/2559 โดยศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2559 ให้ตัวนายทุนและลูกน้องที่เป็นพยานเท็จให้ต้องโทษติดคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 177 โดยเจ๊สุได้ต่อสู้ชั้นอุทธรณ์ ซึ่งศาลอุทธรณ์ได้นัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในวันนี้

“ช่วงระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ทางกลุ่มของเจ๊สุได้ส่งคนมาขอให้ยุติคดี โดยจะยอมจ่ายเงินชดเชยให้ 3 ล้านบาท แต่ดิฉันปฏิเสธเพราะเห็นว่าคนยากคนจนถูกนายทุนรายนี้เอารัดเอาเปรียบมามากแล้ว ตอนนี้ดิฉันจะลองพาคนรวยเข้าคุกดูสักครั้ง ซึ่งก็ประสบผลสำเร็จเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้จำคุกนายทุนและลูกน้องเป็นเวลา 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา” นางสาลิกากล่าวย้ำ

บรรดาลูกหนี้ที่ถูกนายทุน”เจ๊สุ”เอารัดเอาเปรียบต่างมาลุ้นผลคดีที่ศาลตั้งแต่เช้า

ที่มา : http://www.manager.co.th

แสดงความเห็น

comments