สสอ.ปลาปาก แนะ ความดัน เบาหวาน น่ากลัวกว่าผีแม่ม่าย ยัน ชาวบ้านนครพนมทำหุ่นฟาง เหลาปลัดขิกไซส์บิ๊กบึ้ม เพื่อไล่ผีเป็นประเพณีความเชื่อ ไม่มีโรคระบาดรุนแรง…
กรณีมีข่าวว่าชาวบ้าน ในพื้นที่ ต.หนองเทาใหญ่ อ.ปลาปาก จ.นครพนม พากันแตกตื่นเชื่อว่า มีผีแม่ม่ายอาละวาด ทำให้มีชาวบ้าน ในพื้นที่เจ็บป่วยเสียชีวิต ไม่ทราบสาเหตุมาแล้วหลายราย จนชาวบ้าน พากันแก้เคล็ดตามความเชื่อโบราณ ด้วยการทำหุ่นฟาง สวมชุดแดง และมีปลัดขิก หรือทำสัญลักษณ์เป็นอวัยวะเพศชายไว้หน้าบ้าน ถือเป็นพิธีแก้เคล็ดตามความเชื่อโบราณ เช่นเดียวกันกับพื้นที่ บ้านนาเชือกใหญ่ หมู่ 4 ต.หนองเทาใหญ่ อ.ปลาปาก จ.นครพนม พบว่าในหมู่บ้าน รั้วบ้านของชาวบ้าน มีการทำหุ่นฟาง สวมเสื้อสีแดง และมีจุดเด่นคือจะทำปลัดขิก เป็นลักษณะคล้ายอวัยวะเพศชาย ขนาดใหญ่ ไว้ทุกตัว
ล่าสุด เมื่อวันที่ 1 มี.ค.2561 นายอำเภอปลาปาก จ.นครพนม ได้มอบหมาย ให้เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานเกี่ยวข้อง สาธารณสุขอำเภอ ฝ่ายปกครอง ลงพื้นที่ตรวจสอบ ติดตามปัญหา และให้คำแนะนำชาวบ้าน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาวิตกกังวล ที่อาจจะส่งผลต่อความเครียด โดยพบว่าที่มาการทำหุ่นเป็นเรื่องของประเพณีความเชื่อ แต่ไม่ได้มีปัญหาเรื่องเจ็บป่วย หรือโรคระบาดที่รุนแรงถึงภาวะวิกฤติ ส่วนใหญ่จะมีปัญหาโรค ความดัน เบาหวาน และมะเร็ง ซึ่งได้ให้เจ้าหน้าที่ ได้มีการแนะนำ ให้ชาวบ้านดูแลสุขภาพ เป็นหลัก
ด้าน นายอาทิตย์ สุทธิสาร สาธารณสุขอำเภอปลาปาก เปิดเผยว่า กรณีชาวบ้านในพื้นที่ ต.หนองเทา อ.ปลาปาก จ.นครพนม รำลือว่ามีผีแม่ม่ายอาละวาด ทำให้มีการเจ็บป่วยล้มตาย เบื้องต้นทางสาธารณสุขอำเภอ รวมถึงอาสาสมัครสาธารณสุขชุมชน ได้มีการตรวจสอบข้อมูล พบว่าปัจจุบันเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพชุมชน อยู่ในภาวะปกติ ไม่มีการเจ็บป่วยที่รุนแรง หรือผิดปกติ ซึ่งการทำหุ่นไล่ผีเป็นความเชื่อที่ชาวบ้าน ทำแล้วสบายใจ ไม่เสียหาย ทั้งนี้ ทางสาธารณสุขอำเภอ ได้เข้าไปพูดคุยให้คำแนะนำ ดูแลต่อเนื่อง ในเรื่องสุขภาพ
สสอ.ปากปลา กล่าวต่อว่า ขณะนี้ ปัญหาการเจ็บป่วยส่วนใหญ่ จะมาจากโรคความดัน เบาหวาน โรคหัวใจ และโรคมะเร็ง ที่เป็นต้นเหตุการเสียชีวิตแบบฉับพลัน สาเหตุมาจากการไม่เอาใจใส่ในเรื่องสุขภาพ โดยได้ฝากประชาสัมพันธ์ชาวบ้าน สิ่งที่ต้องดูแลเอาใจใส่ที่สุด นอกจากความเชื่อ คือ การดูแลสุขภาพ หมั่นออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ สะอาด ปลอดภัย ลดละเลิกอบายมุข ส่วนหนึ่งชาวบ้านมีการเจ็บป่วยเนื่องจากการดื่มสุรา และไม่ดูแลเอาใจใส่สุขภาพ
ที่มา : https://www.thairath.co.th
