แจ้งความโจรแสบแฮกเฟซ-ไลน์ สวมรอยยืมเงินสูญนับล้าน พบเหยื่อหลงกล 38 ราย

0
889 views

พยาบาลหอบหลักฐาน โล่แจ้งความตำรวจนครพนม หลังถูกมิจฉาชีพแฮกเฟซ-ไลน์ ยืนเงินเพื่อนนับล้านบาท พบผู้เสียหายหลงกลโอนให้มากถึง 38 ราย ตร.ไล่เช็ค 2 บัญชีรับโอนเงิน เร่งรวบรวมหลักฐานล่าตัว พร้อมเตือนเป็นอุทาหรณ์

เมื่อวันที่ 29 เม.ย.62 ที่ สภ.เมืองนครพนม น.ส.อรรจจิมา ศรีชนม์ อายุ 53 ปี พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าตึกศัลยกรรมทางเดินปัสสาวะ และหัวหน้าศูนย์ดูแลแผล (Wound Center) โรงพยาบาลนครพนม นำเอกสารหลักฐานเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.อ.สิทธิชัย จันโทศิริ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองนครพนม เพื่อเอาผิดกับแก๊งมิจฉาชีพที่แฮกเฟซบุ๊กและไลน์ อ้างเป็นตนและหลานสาว ชื่อเฟซ “SUTIMA KANANIL” ก่อนทักไปหลอกยืมเงินเพื่อนและคนรู้จักในเฟซบุ๊ก มีผู้หลงเชื่อมากถึง 38 ราย และมีการโอนเงินเข้าบัญชีของเพื่อนร่วมแก๊ง รายละ 10,000-20,000 บาท รวมแล้วมีค่าความเสียหาย ร่วม 1 ล้านบาท นอกจากนี้ผู้เสียหายยังถูกแก๊งมิจฉาชีพ เข้าไปแฮกเฟซบุ๊คเป็นหลานสาวที่อยู่ต่างจังหวัด ทักมายืมเงินโดยอ้างว่า จำเป็นใช้เงินด่วนในช่วงเวลาแค่ชั่วโมงเดียว ตนหลงเชื่อโอนเงินให้หลานสาว ถึง 3 ครั้ง ครั้งแรกเป็นเงิน 4,000 บาท หมายเลขบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาภูเก็ต ชื่อบัญชี น.ส.นูรี งานแข็ง แต่ไม่ได้แปลกใจ และไม่ได้สอบถาม เพราะยอดเงินไม่มาก จากนั้นได้ทักมาอีกว่าจำเป็นเงินไม่พอ มีความจำเป็นเร่งด่วน หลงเชื่อโอนไปอีก 2 ครั้ง จำนวน 6,000 บาท และ 10,000 บาท แต่เปลี่ยนให้โอนบัญชีธนาคาร ธกส. สาขาภูเก็ต มีชื่อ นายดุสิต พ่วงบูรณ์ เป็นเจ้าของบัญชี รวมเป็นเงินทั้งหมด 20,000 บาท โดยที่ไม่แปลกใจเรื่องบัญชีคิดว่า เป็นของเพื่อน

จนกระทั่งภายภายหลังมารู้ว่า ตนถูกมิจฉาชีพแฮกเฟซบุ๊คและไลน์ เนื่องจากมี น.ส.นภัทร อินทร์ติยะ อายุ 47 ปี พยาบาลวิสัญญี รพ.นครพนม เพื่อนที่ทำงานเป็นพยาบาลด้วยกัน ได้ขับรถมาหาตนที่โรงพยาลนครพนม เพราะสงสัยและต้องต้องการสอบถามว่าเดือดร้อนเรื่องอะไรถึงต้องใช้เงิน เพราะมีการทักเฟซไปยืมเงินของเพื่อนที่ทำงาน ก่อนมีการนำไลน์การสนทนาและสลิปการโอนให้ตนดู พบว่า ตนขอยืมเงิน 3 ครั้ง รวมเป็นเงิน 20,000 บาท และเมื่อโทรศัพท์ไปสอบถามหลานสาวที่ใช้ชื่อไลน์ว่า “SUTIMA KANANIL” จึงรู้ว่าถูกแฮ็กเฟซบุ๊คและไลน์ด้วยกันทั้งคู่

นอกจากนี้จากการตรวจสอบหลักฐาน ยังพบว่า มีการแอบอ้างทักไลน์ขอยืมเงินเพื่อนวิชาชีพพยาบาลด้วยกัน ที่เคยติดต่อทางเฟซบุ๊คที่อยู่ต่างจังหวัดรวมถึง 38 ราย รวมยอดเงินทั้งหมด เกือบ 1 ล้านบาท ที่สำคัญเรื่องน่าเศร้าที่สุด มีบางรายที่หลงเชื่อโอนเงินให้ไป คือ น.ส.พิมพ์ใจ ดีวงศ์ อายุ 46 ปี เป็นเพื่อนในเฟซบุ๊ค ตกเป็นเหยื่อหลงเชื่อ ได้โอนเงินจำนวน 34,000 บาท ซึ่งเป็นเงินที่เตรียมไว้จะใช้เป็นค่ารักษาพ่อป่วยโรคไต กำลังจะนำพ่อไปรักษาที่โรงพยาบาลอุดรธานีอีกในไม่กี่วัน แต่มาถูกมิจฉาชีพใช้ไลน์ตนขอยืมเงินไป หลงเชื่อเพราะบอกว่าจะคืนไม่เกิน 17.00 น. ของวันเดียวกัน หลังทราบว่าถูกหลอก ผู้เสียหายถึงขั้นเป็นลมล้มพับ

น.ส.อรรจจิมา ได้เปิดเผยข้อมูลอีกว่า หลังทราบข่าวว่าถูกแก๊งมิจฉาชีพแฮกเฟซบุ๊ค ยังได้ทราบข้อมูล จาก นพ.พิพัฒน์ ชัยสุนทร แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสมอง ซึ่งเคยอยู่โรงพยาบาลนครพนมมาก่อน ปัจจุบันย้ายไปอยู่โรงพยาบาลมุกดาหาร ได้มีการทักไลน์เพื่อขอยืมเงินหลายแสนบาท แต่โชคดีไม่หลงกล เพราะการทักไลน์มีพิรุธ มีคำพูดที่ก้าวร้าว แปลกใจ จึงไม่เชื่อว่าเป็นคนที่คุยด้วย ตัดสินใจโทรศัพท์สอบถามจนรู้ความจริง

เบื้องต้น ร.ต.อ.สิทธิชัย จันโทศิริ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองนครพนม ได้เร่งสอบสวนรวบรวมหลักฐาน ประสานชุดสืบสวนเร่งตรวจสอบแกะรอย และประสานตรวจสอบกับทางธนาคารปลายทาง เร่งติดตามจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี ซึ่งมีหลักฐานการโอนเงินเข้าไป 2 บัญชี คือ หมายเลขที่บัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาภูเก็ต ชื่อบัญชี น.ส.นูรี งานแข็ง และบัญชีธนาคาร ธกส. สาขาภูเก็ต มีชื่อ นายดุสิต พ่วงบูรณ์ เป็นเจ้าของบัญชี โดยจะมีการออกหมายรียกบุคคลเกี่ยวข้องมาสอบสวน หากพบการกระทำผิดเชื่อมโยง จะมีการจับกุมดำเนินคดีทันที หรือหากไม่มาตามหมายเรียก จะดำเนินการรวบรวมหลักฐานเสนอศาลออกหมายจับต่อไป พร้อมฝากเตือนเป็นอุทาหรณ์อย่าหลงเชื่อ หากมีการยืมเงินทางเฟซบุ๊คและทางไลน์ ควรติดต่อสอบถามยืนยันตัวตนให้ชัดเจน ป้องกันมิจฉาชีพฉวยโอกาส เนื่องจากปัจจุบันมีผู้เสียหายลักษณะนี้จำนวนมาก ที่ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/

แสดงความเห็น

comments