วันที่ 7 กรกฎาคม 2560 นางวรรณภา อุณาพรหม ซึ่งเป็นแม่ค้าคนกลางที่เปิดรับซื้อสับปะรด GIนครพนม เปิดเผยว่า ตนเองเป็นแม่ค้าคนกลางที่เปิดร้านรับซื้อสับปะรดอยู่ที่อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนมเพื่อนำไปจำหน่ายให้กับพ่อค้าแม่ค้าในถิ่นอื่นๆมากว่า 10 ปี แล้ว เห็นถึงพัฒนาการทางตลาดของสับปะรดนครพนมมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อสับปะรดที่ปลูกในพื้นที่อำเภอท่าอุเทน และอำเภอโพนสวรรค์ได้ขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์กับกรมทรัพย์สินทางปัญญายิ่งทำให้เป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น เพราะมั่นใจในมาตรฐานการผลิต กับลักษณะสับปะรดGI นครพนม ที่มีเปลือกบาง ตาตื้น ผลมีขนาดค่อนข้างใหญ่ เนื้อละเอียดแน่น มีสีเหลืองเข้ม แกนหวานกรอบ รับประทานได้เช่นเดียวกับเนื้อสัปปะรด ส่วนรสชาติก็เป็นที่ถูกอกถูกใจของหลายๆคนด้วยมีรสหวานฉ่ำ หอม ที่สำคัญคือไม่กัดลิ้นและไม่ระคายคอ
โดยในทุกๆวันจะมีออเดอร์จากพ่อค้า แม่ค้า ขาประจำในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี มุกดาหาร สกลนคร ร้อยเอ็ด และอำนาจเจริญสั่งจองมาประมาณวันละ 8 ตัน แต่ตนเองสามารถหาได้เพียงวันละ 3 ตันเท่านั้น เคยมีแม้กระทั่งชาวญี่ปุ่นที่ได้ลิ้มลองแล้วติดใจจะสั่งเป็นออเดอร์จำนวนมากไปจำหน่ายที่ประเทศตนเอง แต่ก็ไม่สามารถส่งให้ได้เนื่องจากมีผลผลิตไม่เพียงพอ ซึ่งราคาที่ตนเองรับซื้อถึงสวนจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 3 บาทแต่ถ้าเกษตรกรตัดมาส่งให้ที่ร้านจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 11-12 บาทและเมื่อรวบรวมแล้วทางร้านจะมีการคัดเกรด โดยแบ่งเป็น 3 ระดับ คือ เกรด 1 ส่งให้แม่ค้าตามตลาดจำหน่าย เกรด 2 ส่งตามโรงแรม ร้านอาหาร และเกรด 3 ส่งเข้าโรงงานโดยช่วงที่สับปะรดมีขนาดใหญ่สุดคือช่วงเดือนเมษายนถึงพฤษภาคมอยู่ที่ประมาณลูกละ 4-5 กิโลกรัม แต่ถ้าช่วงนี้จะมีขนาดเล็กลงเหลือประมาณลูกละ 2.5 กิโลกรัม ส่วนรสชาติก็ไม่แตกต่างกันมากนักยังคงเป็นที่ถูกอกถูกใจของลูกค้าที่ซื้อไปรับประทานเหมือนเดิม ส่วนราคาส่งนั้นตนเองต้องคิดค่าน้ำมัน ค่าคนงาน และค่ารถบรรทุกเพิ่มเข้ามา มีการบวกราคาเพิ่มอีกนิดหน่อย แต่ไม่เกินกิโลกรัมละ 2 บาทเพราะถ้าสูงกว่านั้นจะทำให้แม่ค้าที่อยู่ปลายทางจำหน่ายไม่ได้ จึงต้องถ้อยทีถ้อยอาศัยกันไปทั้งตนเอง เกษตรกรและแม่ค้า ส่วนผลผลิตสับปะรดในปีนี้ทางร้านจะมีไม่เท่ากับปีที่ผ่านมาเพราะเกษตรกรมีทางเลือกมากขึ้น ทั้งมีคนมาติดต่อขอซื้อที่สวน หรือบางรายก็นำไปวางจำหน่ายเอง
ข่าว /ภาพ/ นายทินกร เพชรดี/ส.ปชส.นครพนม
