นครพนม-ฝนหลงฤดูพ่นพิษ ปลากระชังตามลำน้ำสงครามและลำน้ำโขงน็อกน้ำตายกว่า 100 ตัน เกษตรกรน้ำตาเล็ดขาดทุนแต่ละรายหลายแสนบาท ซ้ำยังต้องแบกหนี้ค่าอาหาร ค่ากระช้งปลา วอนหน่วยงานรัฐช่วยเหลือ
ห้วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังมีพายุฝนหลงฤดูตกลงมาหลายห่า แม้จะส่งผลดีต่อพื้นที่การเกษตรที่ประสบปัญหาภัยแล้ง แต่อีกด้วยหนึ่งได้สร้างความเดือดร้อนต่อเกษตรกร ที่เลี้ยงปลากระชังริมแม่น้ำโขง รวมถึงลำน้ำสาขา น็อกน้ำตาย เพราะอุณหภูมิในน้ำเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ทำให้ปลาในกระชัง ขาดออกซิเจนฉับพลัน
โดยเฉพาะเกษตรกร ในพื้นที่ บ้านหวดกวน ต.ไชยบุรี อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม กำลังได้รับความเดือดร้อนจากปัญหา ปลานิล ที่เลี้ยงในกระชัง ในลำน้ำสงคราม น็อกน้ำตาย เบื้องต้น มีเกษตรกร ได้รับผลกระทบ กว่า 20 ราย มีปลานิลในกระชัง ที่เลี้ยงไว้ ประมาณ 5 – 7 เดือนน้ำหนัก ตัวละประมาณ 1 – 1.2 กิโลกรัม ลอยตายเต็มกระชัง รวมไม่ต่ำกว่า 100 ตัน บางราย ได้รับความเสียหายมากเกือบ 4 -5 ตัน คิดเป็นมูลค่าความเสียหายรวม ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท
เกษตรกรหลายรายถึงขั้นน้ำตาตก เพราะขาดทุนไม่พอยังต้องแบกภาระหนี้สิน ทั้ง ค่าหัวอาหาร ค่าวัสดุทำกระชัง ลงทุนรายละ ประมาณ รายละ 4 – 5 แสนบาท
นางสมคิด คำลือ อายุ 47 ปี หนึ่งในเกษตรกรเลี้ยงปลากระชังในลำน้ำสงคราม อ.ศรีสงคราม เปิดเผยว่า หลังฝนตกต่อเนื่อง ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับเกษตรกร เลี้ยงปลากระชัง ปลานิล ตลอดลำน้ำสงคราม ในพื้นที่ ต.ไชยบุรี อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ปลาน็อกน้ำลอยตาย เพราะสภาพน้ำเปลี่ยนแปลง มีอุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็ว จากร้อนจัด ทำให้ปลาปรับสภาพไม่ทัน ลอยตายหมดเกือบทุกระชัง เฉพาะของตน หลายสิบตัน ตายหมด ปลารุ่นนี้มีขนาดใหญ่ กำลังจะส่งขายสู่ตลาด น้ำหนักประมาณตัวละ 1 – 1.2 กิโลกรัม
ราคาส่งขายพ่อค้า แม่ค้า กิโลกรัมละ ประมาณ 50 -60 บาท ต้องขาดทุนหนักบางรายลงทุนรายละ 4 -5 แสนบาท หวังว่าจะขายปลาไปใช้หนี้เครดิตหัวอาหารมาเลี้ยงปลา สุดท้ายฝันสลาย เดือดร้อนหนัก ซ้ำเติมคนจนเข้าไปอีก ยิ่งเศรษฐกิจซบเซา ต้องขนเอาซากปลาตายไปทำปลาร้าบางส่วน
บางส่วนนำไปทำปุ๋ยหมัก เพราะเน่าเสียหมด ไม่สามารถนำไปขายตามปกติได้ วิงวอนไปยังหน่วยงานเกี่ยวข้อง และรัฐบาลหาทางช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อน ต้องแบกภาระหนี้สิน
ที่มา : https://mgronline.com
